solUpdate จากลอนดอนสู่ลอสแอนเจลิส – จุดเริ่มของตำนาน
ในปี 1974 The Eagles ตัดสินใจยุติความร่วมมือกับโปรดิวเซอร์ชาวอังกฤษของพวกเขา และเดินทางกลับแคลิฟอร์เนียเพื่อค้นหาความอิสระทางดนตรีและเสียงร็อกที่ “แน่น” ขึ้น พวกเขาเลือก Record Plant Studios ซึ่งก่อตั้งโดย Gary Kellgren วิศวกรเสียงระดับตำนาน และนักธุรกิจผู้มองการณ์ไกล Chris Stone
ที่แห่งนี้ไม่ใช่แค่สตูดิโอทั่วไป แต่เป็นศูนย์รวมของทุกอย่างที่ศิลปินในยุคนั้นต้องการ — ห้องพักหรู อ่างจากุซซี่ บริการสุดพิเศษ และเสรีภาพไร้ขีดจำกัด
“ยิ่งเรากักพวกเขาไว้นานเท่าไหร่ เราก็ยิ่งได้เงินมากขึ้น”
– คริส สโตน กล่าวในหนังสือใหม่จาก Thames & Hudson
ไม่ใช่เรื่องแปลกที่นักดนตรีหลายคนรู้สึกว่า “ไม่มีวันออกไปจากที่นั่นได้” เพราะทุกอย่างในนั้นเย้ายวนและยากจะต้านทาน
หนังสือใหม่เผยเรื่องราวเบื้องหลัง Record Plant
หนังสือชื่อ Buzz Me In – Inside the Record Plant Studios เขียนโดยนักข่าวเพลงผู้คร่ำหวอด Martin Porter และ David “Mr Bonzai” Goggin เผยให้เห็นเรื่องราวลึกซึ้งของหนึ่งในสตูดิโอที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในสหรัฐอเมริกา ตั้งแต่การก่อตั้งในปี 1968 ที่นิวยอร์ก (ซึ่ง Jimi Hendrix ทำอัลบั้ม Electric Ladyland) จนถึงยุครุ่งเรืองในแคลิฟอร์เนีย
Record Plant เป็นมากกว่าสตูดิโอ มันคือ “จักรวาลย่อยของร็อกแอนด์โรล” ที่มีทุกอย่างให้ศิลปิน และตราตรึงพวกเขาไว้อย่างถอนตัวไม่ขึ้น
“Buzz Me In” คือรหัสลับที่ใช้ในการเข้าสตูดิโอในลอสแอนเจลิส และกลายมาเป็นชื่อหนังสือที่เปิดประตูสู่โลกเบื้องหลังที่ไม่ค่อยมีใครได้เห็น
หนังสือเล่มนี้ประกอบด้วยเพลย์ลิสต์เพลงระดับตำนาน บันทึกความทรงจำของคริส สโตน ภาพถ่ายหายากเบื้องหลัง และบทสัมภาษณ์กว่า 100 ชิ้นจากศิลปิน โปรดิวเซอร์ และทีมงานในสตูดิโอ ที่ร่วมกันสร้างประวัติศาสตร์
ช่วงเวลาที่ไม่มีใครลืม – เสียงจากผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์
มาร์ติน พอร์เตอร์ เล่ากับ BBC ว่า “ต้องใช้เวลาหลายปีกว่าที่ผมจะตระหนักได้ว่ามันเป็นช่วงเวลาที่พิเศษมากจริงๆ” หนึ่งในบุคคลที่โดดเด่นที่สุดในเรื่องราวนี้คือ Chris Stone ซึ่งปรากฏอยู่ในภาพถ่ายพร้อมโลโก้ฟองอากาศแบบกราฟฟิกที่ออกแบบโดย Kellgren
แม้พอร์เตอร์จะพยายามโน้มน้าวให้เขาเล่าเรื่องราวเหล่านี้เป็นหนังสือมาโดยตลอด แต่สโตนกลับปฏิเสธเสมอ พร้อมพูดว่า “เรื่องนี้ต้องตายไปพร้อมกับฉัน” อย่างไรก็ตาม ในช่วง 2 ปีสุดท้ายก่อนเสียชีวิตในปี 2016 สโตนยอมใจอ่อน และร่วมมือกับพอร์เตอร์และโกกินเพื่อเขียนหนังสือเล่มนี้
Record Plant – สตูดิโอที่เปลี่ยนวงการเพลง
โกกินกล่าวว่า Record Plant คือสถานที่ที่ศิลปินชั้นนำอยากมาที่สุด เพราะมันมีเทคโนโลยีใหม่ล่าสุด — ลำโพงใหญ่ขึ้น ระบบเสียงแทร็กมากขึ้น — และบรรยากาศที่แตกต่างจากสตูดิโอทั่วไปซึ่งมักเคร่งขรึมและไร้อารมณ์
“มันคือสถานที่ที่ศิลปินรู้สึกมีอิสระจากค่ายเพลง สร้างวิธีทำงานแบบใหม่ที่แพร่หลายไปทั่วโลก”
คนที่อยู่เบื้องหลังความปฏิวัตินี้คือ Gary Kellgren ผู้ไม่เพียงมีความสามารถด้านเสียงเท่านั้น แต่ยังรู้วิธีสร้างบรรยากาศแบบ “ปาร์ตี้สร้างสรรค์” ที่ทำให้ศิลปินอยากอยู่นานๆ และอยากทำเพลงออกมาอย่างเป็นธรรมชาติ
Hotel California – สะท้อนความจริงจากสตูดิโอ
สิ่งที่ทำให้ Record Plant กลายเป็นตำนานเหนือสตูดิโออื่นใด คือบทบาทของมันในการสร้างแรงบันดาลใจให้กับเพลง Hotel California ของ The Eagles ซึ่งกลายเป็นเพลงที่โด่งดังที่สุดของพวกเขา
บรรยากาศของสตูดิโอที่ทั้งเย้ายวน เปี่ยมเสน่ห์ และยากจะถอนตัว เป็นสิ่งที่สะท้อนออกมาในท่อนร้อง:
“You can check out any time you like, but you can never leave”
และในความจริงแล้ว — มันคือความรู้สึกที่ศิลปินในยุคนั้นมีต่อ Record Plant Studios อย่างแท้จริง
